วช. ส่งเสริม มก.ผลิตเครื่องกะเทาะเมล็ดแมคคาเดเมีย เพิ่มมูลค่า สู่ภาคอุตสาหกรรม


 นักวิจัย คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลิตเครื่องกะเทาะเมล็ดแมคคาเดเมียช่วยสร้างศักยภาพผลผลิตและรายได้ แก่เกษตรกรในพื้นที่สูง โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

​การพัฒนาการกะเทาะผลกะลาแมคคาเดเมียในปัจจุบัน นิยมใช้แบบใบมีดกะแทกโดยใช้แรงงานคนที่มีความชำนาญและใช้เวลานาน สามารถกะเทาะได้ครั้งละ 1 ผลเท่านั้น โดยแมคคาเดเมีย 1 กิโลกรัม จะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ในการกะเทาะ จึงอาจส่งผลให้การผลิตล่าช้าหรือผลผลิตเสียหาย
รองศาสตราจารย์ ดร.ธานี  ศรีวงศ์ชัย หัวหน้าโครงการวิจัยจาก ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ได้คิดค้นเครื่องกะเทาะเมล็ดแมคคาเดเมียจากโครงการพัฒนามาตรฐานการผลิตแมคคาเดเมียอบแห้งสำหรับชุมชน โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการดำเนินการพัฒนาเครื่องกะเทาะแมคคาเดเมียที่สถานีวิจัยเพชรบูรณ์ ของคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในเขตพื้นที่ บ้านทับเบิก อำเภอหล่มเก่า และ บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ โดยร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด อาทิตย์ เวนติเลเตอร์ เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการการแปรรูปแมคคาเดเมียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะการใช้งาน คือ เมื่อนำผลกะลาแมคคาเดเมียใส่เข้าด้านบนของเครื่องกะเทาะผลกะลาแมคคาเดเมียจะตกลงไปภายในเครื่องมีแกนหมุนเพื่อให้ผลกะลาที่ตกลงไปกระทบกับชุดใบมีดสำหรับการกะเทาะผลกะลาให้แตก จากนั้นกะลาและเนื้อในที่แยกออกจากกัน ตกลงสู่ถาดรองรับภายนอกเครื่องกะเทาะและนำไปสู่กระบวนการอื่นต่อไป

รศ. ดร.ธานี กล่าวต่อว่า นวัตกรรมชุดนี้สามารถช่วยย่นเวลาการผลิต ตอบโจทย์ในระดับวิสาหกิจชุมชน อีกทั้ง ได้ผลเมล็ดเต็มของแมคคาเดเมีย ถึงร้อยละ 60 โดยแมคคาเดเมีย 1 กิโลกรัม จะใช้เวลาการกะเทาะประมาณ 30 นาที ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาวิธีการที่จะทำให้ได้เมล็ดเต็มมากขึ้น โดยมีการวางเป้าหมายการขยายผล ไปสู่การสร้างศูนย์เรียนรู้การแปรรูปแมคคาเดเมียสำหรับชุมชน เพื่อส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้การแปรรูปการผลิตแมคคาเดเมียโดยใช้เครื่องกะเทาะแมคคาเดเมีย ให้แก่ชุมชนและเกษตรกร ให้เกิดรายได้มากขึ้น มีอาชีพใหม่รองรับ และเกิดการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสำหรับการแปรรูปแมคคาเดเมีย และขยายผลต่อไปยังเขตพื้นที่สูงต่างๆ
ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า วช. มีนโยบายสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาของไทยพัฒนานวัตกรรมในด้านต่างๆ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยหลายแห่งสามารถผลิตนวัตกรรมเพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาด้านต่างๆเช่น การแพทย์ การเกษตร สิ่งแวดล้อม  และอื่นๆ ตามความเร่งด่วนของปัญหาที่เกิดขึ้นนวัตกรรมหลายประเภทสามารถผลิตออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์  และอีกหลายโครงการเป็นการวางรากฐานงานวิจัยของไทยให้เกิดความเข้มแข็งในระยะยาว
 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *