ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช. ในฐานะศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และวิจัยพัฒนา ภายใต้ ศปก.ศบค. ได้มีการนำโจทย์จากประเด็นความสำคัญของประเทศมาดำเนินการผลักดันเพื่อให้เกิดผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่จะช่วยแแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยรับโจทย์จากสถานการณ์จริงรวมถึงการส่งเสริมให้กับนักวิจัยและนักวิชาการได้ร่วมกันพัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่เริ่มมีการระบาดจนถึงปัจจุบัน โดยระยะแรกที่อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์เริ่มมีการขาดแคลน วช. ได้ให้การสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถนำมาใช้ทดแทนอุปกรณ์ดังกล่าว ตัวอย่าง เช่น ชุด PAPR ที่กระทรวงสาธารณสุขได้ขอรับการสนับสนุน จำนวน 3,000 ชุด นอกจากนี้ วช. ยังมีการสนับสนุนห้อง ICU ความดันลบเคลื่อนที่ซึ่งนำไปติดตั้งและใช้งานจริงแล้วในหลายโรงพยาบาล สำหรับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย วช. ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ รวมถึงPETE (พีท) เปลปกป้อง ที่นำมาส่งมอบในวันนี้ เป็นผลงานวิจัยของเอ็มเทค สวทช. ที่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตให้แก่ภาคเอกชนแล้ว ซึ่งเป็น “ผลงานพร้อมใช้” ที่วช. ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉิน ได้เป็นอย่างดี
นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. เป็นหนึ่งในหน่วยงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของประเทศ ได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมต่างๆเพื่อช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมแพทย์และด่านหน้าเพื่อรับมือกับสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 โดยที่ผ่านมา สวทช. ได้ส่งมอบนวัตกรรมสู้ภัยโควิด-19 ไปใช้ทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือมูลนิธิต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ PETE เปลปกป้อง, หน้ากากอนามัยเซฟฟีพลัส (Safie Plus), หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวีซี, ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 NANO COVID-19, แอปพลิเคชั่น DDC Care ระบบติดตามและประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อโควิด-19, ระบบบริการการแพทย์ทางไกลAMED Telehealth สนับสนุนการทำงาน Home Isolation และ Community Isolation และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์เพื่อคนพิการ เป็นต้น สำหรับ PETE (พีท) เปลปกป้อง : เปลความดันลบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่นำมาส่งมอบในวันนี้เป็นอุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิดไปในแต่ละจุด โดยการออกแบบส่วนแคปซูลไร้โลหะแข็งแรงและปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 และยังสามารถนำผู้ป่วยเข้าเครื่องเอกซเรย์-ซีที สแกนปอด ขณะอยู่บนเปลเพื่อคัดกรองอาการในสถานพยาบาล หรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลด้วยรถพยาบาล โดยไม่ต้องนำผู้ป่วยออกจากเปลความดันลบ ช่วยลดการแพร่เชื้อโรคบนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และยังช่วยลดเวลา ลดจำนวนคนที่ต้องใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อีกด้วย โดยขณะนี้ได้ถ่ายทอดสิทธิให้กับบริษัท สุพรีร่า อินโนเวชั่น จำกัด เพื่อผลักดันให้ผลงานถูกนำไปสร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และที่ผ่านมาเอ็มเทคสวทช. ยังได้ส่งมอบเปลปกป้องเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่/อาสาสมัครของหน่วยงานต่างๆ รวม 50 แห่ง