ต้องบอกว่าเรื่องที่ “ลอกมาเล่า” วันนี้ ผมเห็นข่าวในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์ได้เปิดปฏิบัติการเพื่อตัดวงจรความเสียหายของเครือข่ายบริษัทนอร์ทเทิร์น ลอว์เยอร์ จำกัด มีพฤติการณ์การโฆษณาชักชวนให้ประชาชนทั่วไปทางสื่อสังคมออนไลน์ให้มาสมัครเป็นสมาชิกในลักษณะการระดมทุน ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินของสมาชิก ไปลงทุนต่างๆ เช่น ซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เร้นซี่(Cryptocurrency) , ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ หรือ ฟอร์เร็กซ์ (Forex), ซื้อขายทองคำ, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , ซื้อขายรถยนต์มือสอง และค้าอัญมณี โดยจะให้ผลตอบแทนแก่สมาชิกในอัตราสูงสุดถึงร้อยละ 180 ต่อปี พบว่าเปิดดำเนินการมาได้ 11 เดือนแล้วมีการจัดสัมมนาชักชวนหาสมาชิกทุกสัปดาห์ มีสาขาเป็น 100 สาขาทั่วประเทศจับกุมผู้ต้องหาตัวการใหญ่ได้ 2 คน คือ นางสาวดารารัตน์ ธนเลิศไพศาล อายุ 46 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท และนางสาวเกวรินทร์ วิจิตรักษ์ อายุ 56 ปี ทำหน้าที่เป็นวิทยากรชักชวนสมาชิกมาร่วมลงทุน ทั้งหมดถูกดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์อีกทั้งจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ก็สมควรแล้ว.!!
รับการลงทุนจะแบ่งเป็นแพ็กเกจ คือ เริ่มต้นลงทุนที่ 4,000 บาท ครบ 10 เดือนรับผลตอบแทน 6,000 บาท ไล่เรียงไปตามจำนวนเงินลงทุนไปจนถึงแพ็กเกจสุดท้ายลงทุนสูงสุดที่ 400,000 บาท ครบ 10 เดือน ได้รับผลตอบแทนถึง 600,000 บาท จึงมีสมาชิกสนใจเข้าร่วมลงทุนในแพ็กเกจต่างๆ กว่า 100,000 คน มีเงินหมุนเวียนกว่า1,400 ล้านบาท แต่ไม่ได้นำเงินของสมาชิกไปลงทุนหรือทำธุรกิจตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เป็นการหลอกลวงลงทุนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่.!
หากพูดถึงแชร์ลูกโซ่ในเมืองไทยต้องย้อนไปถึงคดีดังในปี พ.ศ. 2528 “แชร์แม่ชม้อย” ซึ่งมีตัวการใหญ่คือ นางชม้อย ทิพย์โส ได้คิดค้นวิธีการหลอกลวงประชาชนขึ้นด้วยการอ้างว่า ดำเนินกิจการค้าน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ โดยจัดตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ บริษัท ปิโตเลียม แอนด์ มารีน เซอร์วิส จำกัด ทำการค้าน้ำมันทุกชนิด มีเรือเดินทะเลสำหรับขนส่งน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ จากนั้นชักชวนประชาชนให้มาเล่นแชร์น้ำมัน โดยวิธีการรับกู้ยืมเงินจากประชาชนและให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงเป็นรายเดือน จากนั้นกำหนดวิธีการรับกู้ยืมเงินเป็นคันรถบรรทุกน้ำมันคันรถละ 160,500 บาทให้ผลตอบแทนเดือนละ 12,000 บาท หรือร้อยละ 6.5 ต่อเดือน หรือร้อยละ 78 ต่อปี ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายหรือเหยื่อหลงเชื่อเกิน 1.6 หมื่นราย รวมเป็นเงินมูลค่ามหาศาลหลายพันล้านบาท กระทั่งถูกศาลอาญาพิพากษาตัดสินเมื่อปี พ.ศ. 2532 ในความผิดฐานฉ้อโกงหลายกระทง ติดคุกคนละ 154,005 ปี และให้ร่วมกันคืนเงินกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหลายร้อยล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ว่าเมื่อรวมโทษทุกกระทงคงจำคุกทั้งสิ้นคนละ 20 ปี เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญาให้จำคุกไม่เกิน 20 ปี.!
อย่างที่บอกในข้างต้นว่าคดีฉ้อโกงลักษณะแชร์ลูกโซ่เกิดขึ้นมานาน และมีให้เห็นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ นี่จึงเป็นปรากฏการณ์แชร์ลูกโซ่ “แม่ชม้อย” จากอดีต สู่ “แชร์แม่มณี” “ยูฟัน” “นอร์ทเทิร์น ลอว์เยอร์” ในปัจจุบัน ดังนั้นแชร์ลูกโซ่ถือเป็นกลโกงในตำนาน มี“เทคนิค” ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ลงทุนครั้งแรกได้เงิน แต่เมื่อย่ามใจลงทุนเพิ่มครั้งต่อไปโดนโกง! ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพ ยังได้พยายามหลอกล่อเหยื่อหลากหลายวิธีด้วยการสร้างแผนธุรกิจมายั่วยวนใจ ลงทุนง่าย ได้เงินเยอะ ได้ผลกำไรที่สูงเกินจริง แต่อย่างไรก็ตาม “กลโกง” หรือหลักการของแชร์ลูกโซ่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง.!
จำไว้ให้ขึ้นใจถ้าไม่อยากเป็นเหยื่อรายต่อไป ก่อนลงทุนอะไรควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีธุรกิจนั้นอยู่จริงหรือไม่ ที่สำคัญพึงระลึกไว้เสมอว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงในเวลาอันสั้นมักไม่มีอยู่จริง..!!
ภัยหลอกลวงผู้บริโภคมีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งแชร์ลูกโซ่เอย.!! โฆษณาหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตและอื่นๆ อีกมากมายที่จะสรรหากันมาหลอกเงินจากกระเป๋าคนเดินดินกินข้าวแกง เรียกได้ว่าถ้าพลาดท่าไป ก็กลายเป็นเหยื่อไม่รู้เนื้อรู้ตัว.!โดยเฉพาะพวกบริษัทที่เจตนาทุจริต หลอกลวงแฝงตัวในรูปแบบต่างๆ บ้าง หว่านล้อมให้ผู้บริโภคตายใจก่อนควักกระเป๋าเสียเงินไม่ใช่จำนวนน้อยๆ พอจะเรียกเงินคืนก็ใช่ ว่าจะคืนได้ง่ายๆ มีถูกปฏิเสธแถมตอบกลับมาด้วยวาจาเสียๆ หายๆทั้งที่ถูกโกงกลับทำเหมือน ไปขอเงินเขาใช้ซะเนี้ย.??? ดังนั้น “อย่าหลงเชื่อ” เพราะความโลภเป็นที่ตั้ง มีโอกาสล้มละลายได้ทั้งครอบครัวเลยนะ ฮ่า ฮ่า.!!
อยากฝากไปถึง “พลตำรวจโทกรไชย คล้ายคลึง” ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในระหว่างที่ท่านมีอำนาจล้นพ้น.! “พญาต่อ” ไม่อยากให้ท่านทำเหมือนผักชีโรยหน้า.! นี่คือวาระแห่งชาติ.!ที่กำลังจะมีผู้คน”พินาศวอดวายนับแสนคน”จากบริษัทนี้.! ท่านต้องขุดรากถอนโคน กลุ่มผู้ร่วมขบวนการของบริษัท นอร์ทเทิร์น ลอว์เยอร์ ที่เป็น “แม่ทีม” เป็น “โค้ช” ทุกคนที่ทำหน้าที่ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปทางสื่อสังคมออนไลน์ให้มาสมัครเป็นสมาชิกในลักษณะการระดมทุนซึ่งอ้างว่าจะนำเงินของสมาชิก ไปลงทุนต่างๆ คำถามคือ.!!แล้วคนกลุ่มนี้เขารวยมาจากไหน ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทำธุรกิจอะไรมา.!ณ ประจุบันนี้โค้ชกลุ่มนี้.! มีทั้งบ้านหรูหลังใหญ่ราคาหลาย 10 ล้าน รถหรูหลายคัน จากการชักชวนให้คนมาลงทุนและยังออกมาชักชวนต่อต้านการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้อีกด้วย.!