เคส “ผู้ติดเชื้อรายที่31″ ของเกาหลีใต้นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ผู้ติดเชื้อรายนี้ คือคุณป้าอายุ 61 อาศัยในเมือง แทกู ที่เกาหลีใต้ ป้าแกเป็นสมาชิกของลัทธิ”ซินชอนจิ”..

ประมาณว่า เจ้าลัทธิเขาเคลมว่าตัวเองเป็นเมสไซอาห์ พระผู้ช่วยให้รอดพระผู้ไถ่บาปตามความเชื่อของศาสนาคริสต์อะไรประมาณนั้น แล้วเขาเคลมว่าใครที่เชื่อในคำสอนของเขาเมื่อวันสิ้นโลกมาถึงเขาจะพาไปสู่สวรรค์อะไรทำนองนั้น เป็นลัทธิที่มีชาวเกาหลีใต้นับถือหลายแสนคน แต่อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับประเด็นหลักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าแค่นี้พอละกัน

ลัทธินี้เขาก็จะมีกิจกรรมให้สาวกมาร่วมสวดกันบ่อยๆ แต่ทางลัทธิเขาก็รู้ข่าว covid-19 ตั้งแต่ตอนเดือนมกราละ และมีประกาศให้สาวกทราบว่า ถ้าใครมีอาการป่วย ให้แจ้งทางสตาฟ์และกักตัวดูอาการที่บ้าน

ป้าผู้ติดเชื้อรายที่31 แกมีอาการไอจามมาตั้งแต่ตอนนั้นละ แต่แกคิดว่า ชั้นแค่เป็นหวัดน่า ไม่ใช่ covid-19 หรอก ป้าแกจึงมาร่วมกิจกรรมที่โบสถ์ของลัทธิตามปรกติ

แล้วการทำกิจกรรมของโบสถ์นี้ตามข่าว กับที่ดูสกู๊ปของทีวีเกาหลีมา ก็จะให้สาวกมายืนกันแบบชิดมากๆ แล้วร้องเพลงอะไรซักอย่างแบบเสียงดังๆ แล้วตัวชิดกันแบบหายใจรดต้นคอกันได้เลย เป็นสภาพที่โคตรเอื้อต่อการติดต่อของโรคโคตรๆ และคนไปร่วมกิจกรรมกันที เป็นพันคน (มีสาวกลัทธินี้ในแทกูประมาณ 8000 คน)

ทีนี้ป้าแกนอกจากไปโบสถ์ทั้งๆที่ไอค่อกไอแค่กแล้ว แกก็ยังไปใช้ชีวิตตามปรกติ นั่งรถโดยสารประจำทางเดินทางไปเที่ยวนู่นนี่ ไปงานแต่งงานของเพื่อน ไปห้างสรรพสินค้า ไปกรุงโซลด้วยว่ะ โดยนั่งรถโดยสารประจำทางไป พูดง่ายๆคือเป็นคุณป้าที่ใช้ชีวิตแบบโคตร active

ต่อมา ป้าแกเข้า รพ เพราะเกิดอุบัติเหตุรถชน (ไม่ได้เข้าเพราะไข้ไอเหนื่อยด้วยนะโว้ย ) ตอนวันที่ 7 กุมภา

แล้วระหว่างแอดมิท ป้าแกมีไข้ ไอ เหนื่อย วันที่ 10 กุมภา หมอก็ขอตรวจ covid-19 เพราะ xray มันแสดงว่าป้าแกมีอาการปอดบวมชัดเจน แต่แกก็ไม่ยอมให้ตรวจ โดยให้เหตุผลกับ จนท ว่า ป้าไม่ได้เดินทางไป ตปท มาตั้งนานแล้ว จะไปติด covid-19 มาจากไหน จนแล้วจนรอดป้าแกก็ไม่ยอมให้หมอตรวจ หมอก็รักษาด้วยยาฆ่าเชื้อไป

แค่นั้นยังไม่พอ ป้าแกยังตระเวนไปอีกหลาย รพ เพื่อหาหมอให้รักษาแก และหมอที่ รพ อื่นก็เสนอให้แกตรวจหา covid-19 แต่แกก็ปฎิเสธอยู่ดี และป้าแกก็เวียนไปมา รพ อย่างน้อย สี่แห่ง

จนกระทั่งแกไปตรวจที่ รพ แห่งนึง ในวันที่ 17 กุมภา และหนนี้แกยอมตรวจจนได้

วันที่ 18 กุมภา ผลแลปบอกว่าแกติดเชื้อ covid-19

แล้วหลังจากรู้ผลการวินิจฉัยของป้าแก ก็มีชาวเกาหลีที่มีอาการต้องสงสัยติดเชื้อ covid-19 ผุดขึ้นมาไม่หยุดหลายยยยยสิบคน และเมื่อ จนท สืบสวนโรคสาวเส้นทางการติดต่อกลับไป จึงรู้ว่า หลายสิบคนนี้ เกี่ยวข้องกับป้าคนที่ 31 ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะ เป็นสาวกลัทธิเดียวกัน เข้าโบสถ์ทำกิจกรรมพร้อมกัน ไปร่วมงานแต่งงานงานเดียวกับที่ป้าแกไป หรือ มารับบริการ หรือเป็นคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งเดียวกับที่ป้าแกแอดมิทตอนเกิดอุบัติเหตุรถชน

และจากแถลงการณ์ของ KCDC (ควบคุมโรคเกาหลีใต้) พบว่า
คนที่สัมผัสโรคกับป้า31คนนี้ มีถึง 1160 คน!!!!!

ตอนนี้สถานการณ์ที่นั่นคือทางการสั่งให้คนที่มีประวัติสัมผัสป้าแกทุกคน กักตัวเองดูอาการที่บ้าน และให้รีบตรวจหาเชื้อทันที ส่วนห้างสรรพสินค้าต่างๆที่ป้าแกเคยไปเดินช้อป ไม่ว่าจะห้างฮยอนเด หรือห้างดงอาสาขาแทกู ก็ประกาศปิดชั่วคราวแล้ว และโบสถ์ที่ป้าแกไปร่วมกิจกรรมบ่อยๆก็ปิดชั่วคราวเช่นกัน

ตอนนี้ป้าแกได้กลายเป็น super spreader หรือผู้กระจายเชื้อสู่คนจำนวนมาก ไปเป็นที่เรียบร้อย จากที่เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ยี่สิบสามสิบคน น้อยกว่าไทยอีก

ตอนนี้พุ่งไปเป็นร้อยแล้ว และตอนนี้สถานการณ์ถึงขั้นรัฐบาลกลางของเกาหลีใต้ ส่งกองกำลังไปยังแทกู เพื่อให้ความช่วยเหลือ จนท ในแทกูในการกักกันโรคแล้ว

เคสนี้อยากให้ดูเป็นอุทาหรณ์ว่า ไม่จำเป็นต้องมากันเป็นร้อยคนพันคน ถ้าเป็นโรคติดต่อ ขอแค่คนๆเดียวที่ติดเชื้อ และไม่ให้ความร่วมมือกับ จนท ในกระบวนการกักกันโรค เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ก็พาคนรอบข้างไปสู่หายนะได้แล้ว

ขอให้พ่อแม่พี่น้องในบ้านเรา ติดตามข่าวเรื่อง covid-19 ให้สม่ำเสมอ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่า เฮ้ย ชั้นไม่เป็นหรอกน่า ให้คิดว่า ถ้าเรามีอาการที่เข้าข่าย ให้ติดต่อควบคุมโรค ไปหาหมอ และบอกอาการ บอกประวัติไปตามจริงให้หมด ถ้าทำแบบนั้นได้ เราจะช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบ ป้าผู้ติดเชื้อรายที่ 31 บนแผ่นดินไทยได้ครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *