เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในค่ำคืนวันฉลองปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา โดย นางสาว ธนัทธรณ์ ตะนาวสินรังสี อายุ 35 ปี ได้นำหลักฐานบันทึกการแจ้งความกรณีถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2566 สิ้นปีที่ผ่านมาเข้าร้องต่อสื่อมวลชน โดยเหตุนี้เกิดที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดระนอง
ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นยังมีลูกค้านั่งทานอาหาร และมีผู้เห็นเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มของนางสาวธนัทธรณ์ผู้เสียหาย ได้นั่งทานอาหารกับเพื่อนอยู่กันคนละมุมโต๊ะกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งยืนยันว่าส่วนตัวมิได้รู้จักหรือมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
แต่ด้านผู้ก่อเหตุมีความมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ตนมีสติครบถ้วนทุกประการ เพราะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ในคืนนั้น มีพยานบุคคลแวดล้อมสามารถยืนยันได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุกับเพื่อนรวม 4-5คนเป็นฝ่ายลุกจากโต๊ะและเข้ามากระชากเพื่อนของตนออกจากโต๊ะไปต่อหน้าต่อตาตน แม้ไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุกับเพื่อนมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อนแต่ก็ได้ปรารถนาดีเข้าไปห้ามปราม
แต่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งมีอาการมึนเมากลับมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และหันมาทำร้ายตนกับสามีจนได้รับบาดเจ็บ แถมผู้ก่อเหตุยังโทรเรียกพ่อพร้อมป่าวประกาศว่าตนเป็นลูกสาวนายพลและยังโทรเรียกพ่อให้รีบมายังร้านที่เกิดเหตุ เมื่อพ่อของผู้ก่อเหตุมาถึงแทนที่จะทำให้เหตุการณ์สงบและไม่บานปลาย กลับประกาศว่าใครทำอะไรลูกตน…พร้อมทั้งใช้คำพูดในลักษณะข่มขู่ทำให้ตนเกิดความหวาดกลัว จนต้องขับรถออกมาและได้ตัดสินใจไปบันทึกแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจ
หลังเกิดเหตุทางฝ่ายลูกนายพลยังฝากบอกให้ตนมาขอโทษ หนำซ้ำทางร้านอาหารที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก แต่กล้องมองไม่เห็นตรงจุดเกิดเหตุ และมีกล้องเสียหลายตัวมากๆ จนผิดปกติ ทำให้ตนต้องประกาศขอคลิปจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในคืนนั้น และตั้งรางวัลกับคนที่จะส่งคลิปในเหตุการณ์มาให้ตนจำนวน10,000บาท เพื่อต้องการพิสูจน์ความจริงว่าตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงได้มาขอความเป็นธรรมจากสื่อ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตน และเป็นการสร้างบรรทัดฐานว่าไม่ว่าคุณจะเป็นลูกใครใหญ่มาจากไหน ก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายลูกคนอื่น
ยิ่งเป็นลูกของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ยิ่งต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมในการไกล่เกลี่ยหรือเข้าระงับเหตุด้วยเหตุและผล พร้อมทั้งยังยืนยันว่าจะไม่รับแค่คำขอโทษ แต่จะให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับ ”พ่อแม่รังแกฉัน” ในรายต่อๆไปอีกด้วย…