ยังเดินสายทำบุญไม่หยุด “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม อดีตนักแทงมือ 3 ของโลก ที่ได้ฉลองวันเกิดอายุครบ 51 ปี เมื่อวันที 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการทำบุญบริจาคสิ่งของและอาหารให้กับเด็กเยาวชนรวมไปถึงคนยากไร้หลายแสนบาท หลังได้รับความสนใจและเงินสนับสนุนจากเหล่าแฟนคลับในโครงการ “หยอดกระปุก” มาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ความเคลื่อนไหวยอดนักสนุกเกอร์สายบุญของเมืองไทย “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม อดีตนักแทงเบอร์ 3 ของโลก ที่ได้ฉลองวันเกิดให้กับตัวเองในวัย 51 ปี ไปเมื่อวันที่17 มกราคม ที่ผ่านมา ด้วยการนำเงินส่วนตัวและเงินบริจาคจากเหล่าบรรดาแฟนคลับภายใต้โครงการ “หยอดกระปุก” ทั้ง 4 ครั้งมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จากการเดินสายลงแข่งขันสนุกเกอร์ตามโต๊ะต่างๆกับประชาชนทั่วไปได้เงินมาจำนวนหลายแสนบาทไปมอบให้กับเด็กเยาวชนและผู้ยากไร้ตามสถานที่ต่างๆ
เริ่มจากการบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยไฟไหม้บ้านจ.นครราชสีมา ต่อด้วยบริจาคเงินสิ่งของและเลี้ยงอาหาร 3 เมื้อให้กับเด็กๆวัดดอนจั่นจ.เชียงใหม่ (เด็กกำพร้าราว 700 ชีวิต) จำนวน 100,000 บาท, บริจาคเงิน รถวีลแชร์เตียงผู้ป่วย ให้กับ วัดพระบาทน้ำพุ, บริจาคเงินและสิ่งของจำเป็น ให้กับโรงพยาบาลสงฆ์, บริจาคข้าวกล่อง หน้ากากอนามัยอุปกรณ์การแพทย์ จ.สมุทรสาคร นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแห่งที่ทาง “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” และทีมงานกำลังจะนำเงินสดกับสิ่งของไปบริจาคให้กับผู้ยากไร้ เพื่อต้องการให้เงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่ได้มาเกิดประโยชน์มากที่สุดแก่ส่วนรวม
ทั้งนี้ รัชพล ภู่โอบอ้อม เปิดเผยว่า หากไม่มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เป็นรอบที่สองวันเกิดปีนี้ของตัวเองจะทำบุญมหากุศลครั้งใหญ่เหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา ทั้งการบริจาคเงินและสิ่งของต่างๆแก่เด็กและประชาชนที่เดือดร้อน แต่เนื่องจากเกรงว่า จะมีผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากหลายร้อยคน และเรายังอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากของโรคโควิด-19 คือ การ์ดห้ามตก จึงได้ยกเลิกการมารวมตัวกันในงานวันเกิด แต่การบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นต่างๆยังคงเหมือนเดิม ซึ่งตัวเองให้ทางทีมงานติดต่อไปยังสถานที่ดังกล่าวข้างต้นพร้อมดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนตัวรู้สึกยินดีและดีใจที่ได้เข้ามาเป็น “สะพานบุญ” มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนทั้งจากโรคโควิด-19 รวมไปถึงเด็กกำพร้าที่จังหวัดเชียงใหม่แม้ว่า มันจะไม่มากมายอะไรสักเท่าไหร่นัก หากเปรียบเทียบกับการเสียสละของผู้หลักผู้ใหญ่คนอื่น แต่ตัวเองก็ภูมิใจในฐานะตัวแทนนักกีฬาไทยโดยเฉพาะสนุกเกอร์ที่บางคนยังมองว่า เป็นกีฬาสีเทา เพราะมีเรื่องของ พรบ.การพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หัวจิตหัวใจของตัวเองนั้นมัน “สีขาว” และพร้อมจะทำความดีเพื่อตอบแทนให้กับสังคมไปตลอด ซึ่งแรงบันดาลใจของการทำความดีนั้นคงมาจาก “พี่ท็อป-พี่ไทด์” บิณฑ์ และเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ที่ได้ชักชวนตัวเองเดินสายทำบุญช่วยเหลือประชาชนมาตั้งแต่โควิด-19 ระบาดรอบแรกเมื่อปีที่แล้ว
จากนั้นมามันเหมือนเคมีตรงกัน เพราะตัวเองก็ชอบทำบุญช่วยเหลือคนยากจนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเดินสายทำบุญกับพี่ดาราทั้งสองคนมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ได้รับรู้และเห็นว่า ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ลำบากยากไร้และต้องการความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามส่วนตัวต้องขอขอบคุณบรรดาแฟนคลับที่ช่วยกันเสียสละและบริจาคเงินเข้ามาคนละเล็กละน้อยจนเป็นเงินหลายแสนบาทให้ไปบริจาคตามที่ตั้งใจไว้ จากนี้ไปตังเองยังคงเดินหน้าทำความดีและช่วยเหลือสังคมต่อ เพื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีเจริญรอยตามพระราชดำรัสของ “ในหลวง” รัชกาลที่ 9 และ รัชกาลที่ 10 ตามความตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้น